“ป้าปู ป้าปูพาหนูไปเดินเล่นด้วยน้า” เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านมาทำงานข้างนอก เด็ก ๆ ร้องกันระงมเลยว่าให้พาไปชมนกชมไม้ก่อน เริ่มติดใจและคุ้นชินกับการเดินและชื่นชมธรรมชาติกันแล้วล่ะซีเด็กน้อย พอเดินกลับมาทุกคนต่างรู้หน้าที่ อาบน้ำ ช่วยงานบ้านและเอาเสื้อผ้ากับเครื่องนอนไปซักก่อนที่จะเริ่มเรียนออนไลน์กัน เราช่วยเด็กน้อยหยิบจับเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่วนใหญ่เด็กลงมือซักเองจัดการเอง นั่งมองดูแล้วเอ็นดูเด็กเหลือเกิน จำได้ว่าตอนเรายังเด็กอายุเท่านี้ยังวิ่งเล่นสนุกสนาน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยซักอย่าง แต่เด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงหนสามารถรับผิดดูแลตัวเองได้ในแบบของเค้า ซึ่งเราว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องฝึกให้เด็กทำอะไรได้ด้วยตัวเองตามพัฒนาการ เค้าอาจจะทำได้ไม่สะอาดหรือดีเท่าผู้ใหญ่ แต่เค้าได้เริ่มเรียนรู้ ฝึกฝนเพื่อเป็นทักษะและสามารถทำได้ดีขึ้นตามวันเวลา เราในฐานะผู้ดูแลได้ช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ช่วยสร้างบรรยากาศการใช้ชีวิตร่วมกันให้เกิดความสนุกและเกิดสายใยความผูกพันที่เด็กรับรู้ได้ว่าผู้ใหญ่ที่ดูแลไม่ได้ทอดทิ้งให้เค้าทำอะไรตามลำพัง ก่อนออกจากบ้านเราบอกเด็ก ๆ ว่า “ครูภูมิใจนะที่เด็ก ๆ ซักผ้า ดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องบอกกล่าว แบบนี้เรียกว่าหนูมีความรับผิดชอบ รักนะลูก เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะ”
เราได้บอกความรู้สึกที่เกิดขึ้นให้เด็กรับรู้ เพื่อยืนยันให้เห็นว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ดีงาม หนูดีพอแล้ว หนูโอเคแล้ว มีคนรับรู้สิ่งที่หนูทำ เมื่อเด็กรับรู้ตัวตนจากโลกภายนอกสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนกลับสู่โลกภายในของเค้า การเป็นคนที่ดีแล้ว โอเคแล้ว มีคนเห็นแล้ว ทำให้โลกภายในของเด็กเข้มแข็งขึ้น เค้าจะรักและรู้สึกดีกับตัวเองตามที่ได้รับรู้ การชื่นชมหรือให้กำลังใจไม่ใช่เรื่องยากและก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงให้ระลึกไว้ว่าสิ่งที่ทำออกมาจากหัวใจและทำอย่างสม่ำเสมอเปรียบเสมือนน้ำฝนที่รดรินหัวใจเด็กให้เติบโตขึ้นด้วยความสุขและความมั่นคง
คุณอยากให้ลูกหลานของคุณเป็นแบบไหนก็อยู่ที่คุณแล้วนะจ๊ะ
เรื่องราวเหล่านี้เราไม่ได้รู้ได้ด้วยตัวเอง สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวถึงขอมอบคุณงามความดีให้แก่มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก อาจารย์หมอ ผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านที่มอบความรู้ ความรักและการเป็นแบบอย่างให้กระจ่างในใจเรา รวมทั้งทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา ขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ
ขอบคุณเรื่องและภาพ : รัชวรรณ สิงหะเนติ นักสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก
18