พ่อแม่ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่จำนวนหนึ่ง มักจะมีปัญหาอย่างหนึ่งที่แก้ไม่ตก นั่นคือปัญหาเรื่อง “เวลา” หลายคนบ่นว่าเวลาในแต่ละวันช่างน้อยนิดเหลือเกิน ไหนจะทำงานนอกบ้าน ทำงานในบ้านและยังต้องดูแลลูกที่กำลังโตอีก แต่แท้ที่จริงแล้วเวลาอันน้อยนิดนั้นไม่ใช่ปัญหา ถ้าเรารู้จักการบริหารเวลาที่มีให้แก่ครอบครัวอย่างมีคุณภาพ
แล้วจะใช้เวลากับครอบครัวอย่างไรให้มีคุณภาพ? ลองอ่านข้อความในบรรทัดต่อไปนี้แล้วลองทำดูนะคะ
- ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องตระหนักว่าการให้เวลาที่มีคุณภาพกับลูก ไม่ได้หมายถึงกิจกรรมที่จะต้องใช้เงินทั้งหมด เช่น พาลูกไปช็อปปิ้ง เพราะนั่นไม่ใช่การใช้เวลาร่วมกัน แต่ควรใช้เวลาอยู่กับลูกแบบตัวต่อตัว อย่างน้อยวันละ 30 นาที เช่น การขับรถไปส่งหรือไปรับลูกที่โรงเรียน ซึ่งเป็นเทคนิคที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนใช้ได้ผลมาแล้ว ให้ใช้เวลาที่ได้อยู่ร่วมกันนั้นซักถามปัญหาหรือความในใจของลูกเพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้มีส่วนร่วมในชีวิตส่วนหนึ่งของลูก
- ไม่ควรดูทีวี หรือเล่นคอมพิวเตอร์กับลูกเพราะกิจกรรมนี้จะทำให้แต่ละคนให้ความสนใจไปที่จอสี่เหลี่ยม แทนที่จะให้ความสนใจแก่กันและกัน ควรเล่นเกมส์ที่เล่นร่วมกันได้เช่น ต่อจิ๊กซอว์ ปริศนาเชาว์ต่าง ๆ หรือ วาดรูป หรือระบายสี ร่วมกัน
- พ่อแม่ควรหาเวลาในการสอนการบ้านลูกอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน การสอนการบ้านลูกจะเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างความใกล้ชิดกับลูก อีกทั้งพ่อแม่จะได้รับรู้ปัญหาในการเรียนของลูกและจะได้หาวิธีแก้ไขร่วมกัน เช่น รู้ว่าลูกอ่อนวิชาภาษาอังกฤษ พ่อแม่อาจจะเล่นเกมทายคำศัพท์กับลูก นอกจากจะได้ใกล้ชิดลูกแล้วยังได้ช่วยลูกแก้ปัญหาในการเรียนด้วย
- ครอบครัวควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารร่วมกัน ช่วงเวลารับประทานอาหารเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้พูดคุยเกี่ยวกับชีวิตของตน พ่อแม่จึงควรให้ความสำคัญกับช่วงเวลานี้ พยายามให้ลูกๆมารับประทานอาหารพร้อมหน้ากันอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3-4 วัน
- คุณพ่อคุณแม่ควรกำหนดกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวันร่วมกับลูก บางกิจกรรมอาจใช้เวลาไม่มากนัก แต่ก็สามารถทำเป็นกิจวัตรได้ เช่นการทำงานบ้านด้วยกัน หรือมอบหมายให้ลูกทำงานบ้านที่ถนัด โดยคุณพ่อคุณแม่คอยสอนหรือดูอยู่ห่างๆ นอกจากจะทำให้ได้ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพร่วมกันแล้วยังเป็นการปลูกฝังเรื่องหน้าที่และความรับผิดชอบให้แก่ลูกด้วย
- วางแผนทำกิจกรรมนอกบ้าน กิจกรรมนอกบ้านจะช่วยให้พ่อแม่มีปฏิสัมพันธ์กับลูก และช่วยเพิ่มความกระตือรือร้นของลูก ซึ่งจะนำไปสู่การสนทนาพูดคุยระหว่างพ่อแม่ลูก หรือหากิจกรรมที่เป็นงานอดิเรกซึ่งพ่อแม่อาจทำกิจกรรมที่ลูกสนใจร่วมกับลูก เช่น ขี่จักรยาน เล่นกีฬา ฯลฯ งานอดิเรกเหล่านี้จะช่วยให้ครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข
330